วันอาทิตย์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2560

วลี (Frasa)


วลี (Frasa) หมายถึง หน่วยทีประกอบด้วยคำอย่างน้อย 2 คำ หรือมากกว่า จะประกอบด้วยภาคประธานและภาคแสดง
Pola ayat (โครงสร้างประโยคพื้นฐาน)
1.FN+FN
2.FN+FK  
3.FN+FA
4.FN+FSN

นามวลี (Frasa Nama)
คำนาม(Frasa Nama) หมายถึง อธิบายเกี่ยวกับวลีคำนามอย่างน้อยหนึ่งคำขึ้นไป คำแรกหมายถึงคำนามและถัดไปคำสรรพนาม

หน้าที่ของนามวลี(Fungsi frasa nama)
1.เป็นประธานได้ในทุกๆประโยค
2.เป็นคำกริยาแค่ในโครงสร้างประโยค FN+FN เท่านั้น

ตัวอย่าง
ภาคประธาน(Subjek) นามวลี(FN)
ภาคแสดง(Predikat)    นามวลี(FN)
เขาคนนั้น(Dia seorang)
ชาวประมง(nelayan)
แม่ของซัมรี(Emak Zamri)
เป็นแม่บ้าน(seorang suri rumah )


3.วลีนามทำหน้าที่เป็นกรรม
ภาคประธาน(Subjek) นามวลี(FN)
ภาคแสดง(Predikat) กริยาวลี(FK)
คำกริยา(Kata kerja)
นามวลี(Frasa nama)
อามีนะห์(Aminah)
อ่าน(membaca)
นวนิยาย(buku cerita)
นักศึกษา(Pelajar-pelajar)
ร้อง(menyanyi)
มาร์คโรงเรียน
(Lagu sekolah)


4.นามวลีทำหน้าขยายคำสรรพนาม

ภาคประธาน(Subjek) นามวลี(FN)
ภาคแสดง(Predikat) สรรพนามวลี (FSN)
คำสรรพนาม
(Kata sendi nama )
นามวลี(Frasa nama)
ของขวัญนี้(Hadiah ini)
เพื่อ(Untuk)
เด็กสาว(gadis itu)
นักศึกษา(Pelajar-pelajar)
ไปยัง(ke)
เกาะลังกาวีเมื่อวาน
(Pulau Langkawi   semalam)


อ้างอิง : จากหนังสือเรียนวิชาไวยกรณ์มลายู2

กริยาวลี(Frasa kerja)


              กริยาวลี(Frasa kerja) หมายถึง วลีที่อธิบายถึงคำกริยาหรือ การกระทำอย่างน้อยหนึ่งคำขึ้นไป ที่ขึ้นต้นด้วยคำกริยาที่ไม่ต้องการกรรม และสามารถประกอบด้วยคำต่างๆที่ขึ้นด้วยคำกริยาที่ไม่ต้องการกรรมและคำกริยาที่ต้องการกรรม กริยาวลีทำหน้าที่เป็นตัวรับกรรมในประโยค

ประเภทของกริยาวลี (Binaan frasa kerja)
ประกอบด้วย 2 ประเภท
           1.คำกริยาวลีที่ไม่ต้องการกรรม(frasa kerja tak transitif)
           2.คำกริยาวลีที่ต้องการกรรม(frasa kerja transitif)

1.คำกริยาที่ไม่ต้องการกรรม สามารถแบ่งออกเป็น  3 ชนิด
             1.คำกริยาที่ไม่ต้องการกรรม ไม่ต้องการส่วนเติมเต็ม(kata kerja tak transitif tanpa pelengkap)
             2.คำกริยาที่ไม่ต้องการกรรม ต้องการส่วนเติมเต็ม(kata kerja tak transitif dengan pelengkap)
             3.คำกริยาที่ไม่ต้องการกรรม ต้องการส่วนเติมเต็มที่เป็นคำนาม(kata kerja tak transitif dengan kata nama sebagai penerang)

ตัวอย่าง  : คำกริยาที่ไม่ต้องการกรรม ไม่ต้องการส่วนเติมเต็ม(kata kerja tak transitif tanpa pelengkap)
             1.อิสมาแอกำลังผักผ่อน(Ismail sedang berbaring)
             2.ก้านต้นไม้ใหญ่นั้นหัก(Ranting pokok besar itu patah)

ตัวอย่าง : คำกริยาที่ไม่ต้องการกรรม ต้องการส่วนเติมเต็ม(kata kerja tak transitif dengan pelengkap)
                1.เราไม่สามารถทำชั่วได้(Kita tidak boleh berbuat jahat)
                2.ในเวลากลางคืนหาดใหญ่เต็มไปด้วยแสงสีเสียง(Pada waktu malam bermandikan cahaya)
                3.แม่ของเขาเป็นครู(Ibu menjadi guru)

ตัวอย่าง :   คำกริยาที่ไม่ต้องการกรรม ต้องการส่วนเติมเต็มที่เป็นคำนาม(kata kerja tak transitif dengan kata nama sebagai penerang)
                 1.ชายหนุ่มมลายูคนนั้นใส่เสื้อบาติก(Lelaki melayu itu berbaju batik)
                 2.นักรียนกำลังเดิน(Pelajar-pelajar sedang berjalan kaki)
                 3. เปาะฮาซันทำสวนชา(Pak Hassan berkebun teh)

2.คำกริยาที่ไม่ต้องการกรรม ต้องการส่วนเติมเต็ม(Frasa kerja yang mempunyai objak)
ในกริยาวลีนี้ คำกริยาที่ไม่ต้องการกรรมเป็นแกนหลักและคำนามวลีเป็นกรรม ประโยคเหล่านั้นสามารถสลับกันได้

ตัวอย่าง
                1.พวกเราไปทัศนศึกษาที่สวนสัตว์สงขลา(Kami lawat zoo Songkhla)
               =สวนสัตว์สงขลาพวกเขาไปเที่ยว(Zoo Songkhla kami lawat)
               
               2.พวกเขากำลังจัดบ้าน(Mereka sedang menghias rumah )

               =บ้านถูดจัดโดยพวกเขา(Rumah dihias oleh kami)

สรรพนามวลี(Frasa sendi nama)


                สรรพนามวลี หมายถึง วลีที่ประกอบด้วยคำสรรพนามหนึ่งคำ และตามด้วยคำนามวลีที่เป็นส่วนเติมเต็ม

          หน้าที่ของสรรพนามวลี
 1.เป็นภาคแสดงของโครงสร้าง (FN+FSN)
ตัวอย่าง
           1.ทุกๆวันศุกร์ชายที่นับคืออิสลามจะไปละหมาดที่มัสยิด
            (Orang lelaki islam ke masjid setiap hari jumaat)
           2.บ้านคุณฮารุนที่หมู่บ้าน(Rumah encik harun di kampong )
           3.นักท่องเที่ยวมากจากนิวซีเลนด์(Pelancong-pelancong itu dari New zeeland)

  2.เป็นส่วนขยายให้กับกริยาวลี
เวลา (Waktu)
สถานที (Tempat)
เปรีบเทียบ(Bandingan)
วัตถุประสงค์ (Tujuaan)
วิธี (Cara)
เรื่อง (Hal)
เคริ่องมือ (Alat)
ร่วมกัน (Penyetaan)

 ตัวอย่าง
1.พวกเราถึงเวลาหกโมงเย็น(Kami tiba pada pukul enam petang)      
2.มาลาตีกินกับซ้อน(Melatee makan dengan sudu)
3.ฮานีซะเรียนอย่างรวดเร็ว(Hanisah belajag dengan pantas)

  3.เป็นส่วนขยายให้กับนามวลี  ประกอบด้วยคำต่อไปนี้
สถานที่(Tempat )
การกระทำ(Pembuat )
แหล่งข้อมูล(Sumbur)
เวลา(Waktu)
จุดประสงค์(Tujuaan)

ตัวอย่าง
1.ฉันได้รับจดหมายจากทางบ้านแล้ว(Surat dari kampong sudah saya terima)
2.พวกเขาประดิษฐ์กล่องเพื่อใส่ของ(Mereka membuat kotak untuk mengisi barang)
3.การเป็นอยู่สมัยก่อนแตกต่างจากความเป็นอยู่ปัจจุบัน
(Kehidupan zaman dahulu berbeza dengan kehidupan sekarang)

ประเภทของสรรพนามวลี
 สรรพนามวลีประกอบด้วยโครงสร้างต่างๆ เช่น
1.SN+FA
2.SN+KN-ARAH+FN
3.SN+KN-ARAH+FN+AYAT  KOMPLEMEN(ประโยคแน่นส่วนเติมเต็ม)
4.SN+KN-ARAH+FN+FRASA KETERANGAN(วลีทีเป็นส่งนขยาย)

ตัวอย่าง
1.ไปยังเมือง(Ke Bandar). ที่บ้าน(Di rumah) . จากโรงเรียน(dari sekolah )     
2.ไปในห้อง(Ke dalam bilik). ไปในบ้าน(Di dalam rumah) . จากกลางทาง(dari  tengah jalan)

3.ไปยังริมคลองทุกๆเย็น(Ke tepi sugai setiap petang). ไปยังที่นาทุกๆวัน(Ke sawah setiap hari)

อ้างอิง: จากหนังสือเรียนวิชาไวยกรณ์มลายู 2

วิเศษณ์วลี(Frasa Adjektif)

              คำวิเศษณ์วลี หมายถึง เป็นวลีที่อธิบายถึงความรู้สึกจะประกอบด้วยคำอย่างน้อยหนึ่งคำ จะเกี่ยวกับคำคุณศัพท์เป็นคำหลัก เช่นใช้แสดงถึง รูป,รส,สี เป็นต้น

หน้าที่ของคำวิเศษณ์วลี(Fungsi frasa adjektif)
1.เป็นกรรมในประโยคที่ปรากฎตามโครงสร้าง FN+FA
ตัวอย่าง
          1.รถใหม่ของฉันสีขาว(Warna kereta baharu itu saya putih)
          2.บ้านบังกาโลบนเขาสวยมาก(.Rumah bangle di atas bukit itu sungguh cantik)

2.ทำหน้าที่ขยายคำกริยาจะปรกฏหลังคำกริยา
ตัวอย่าง
         1.วิ่งนั้นเคลื่อนไหวอย่างอย่างรวดเร็ว(Lari itu bergerak dengan laju)
         2.ซาฮาราร้องเพลงเสียงเบามาก (Sahara menyanyi terlalu pelahan)

3. ทำหน้าที่ขยายคำนามจะปรากฎคำนาม
ตัวอย่าง
         1.ฮากีมะห์ใส่เสื้อสีเขียวอ่อน(.Hakimah memakai baju hijau puncuk pisang)

โครงสร้างของวิเศษณ์วลี
          วิเศษณ์วลีเป็นคำหลักหรือแกนหลักของคำวิเศษณ์ไม่ว่าจะเป็น 1 คำ หรือ 2 คำ ก็ตาม สามารถแบ่งออกเป็น 2 โครงสร้าง

1.โครงสร้างที่มี 1 คำ
        ใช้วิเศษณ์วลีแค่หนึ่งคำตามชนิดของคำวิเศษณ์เหล่านี้ เช่น
ลักษณะ(Sifatan)
สี(warna)
ขนาน(ukuran)
รูปร่าง(bentuk)
ประสาทสัมผัส(pancaindera)
เวลา(waktu)
ระยะ/ทิศทาง(jarak)
วิธี(cara)
ความรู้สึก(perasaan)
ความบ่อย(kekerapan)

ตัวอย่าง
           1.ลูกคุณกาซิมทุกคนสบายดี(Semua anak encik kasim sihat)
           2.หน้าเขากลม(Mukanya bulat)
           3.อับดุลฮากิมมาสาย(Abdul Hakim dating lewat)

2.โครงสร้างที่มี 2 คำ
        เป็นกรผสมคำระหว่างคำวิเศษณ์+คำวิเศษณ์, คำวิเศษณ์ +คำกริยา และคำวิเศษณ์ + คำนาม

ตัวอย่าง
1.สูง เตี้ย(Tidnggi rendah)
2.อาหาหมัดดุสุขใจ(Ahmad kelitan riang gembira)

วิเศษณ์วลีบอกคำถี้

ตัวอย่าง
      1.วิธีการวาดภาพของคุณอาหามัดสวยมาก(Lukisan encik Ahmad terlalu cantik)
      2.บ้านบังกาโลบนเขาสวยที่สุด(Rumah bangle di atas bukit cantik sekali)
วิเศษณ์เกี่ยวกับการเปรียบเทียบ

ตัวอย่าง
        1.ที่ดินของอับดุลราซักไม่ว่างเท่าที่ดินของกามาล
         (Tanah milik Abdul Razak tidak seluas tanah milik Kamal)
        2.จังหวัดยะลากว้างกว่าจังหวัดปัตตานีอีก(Wilayah Yala lebih besar daripada Wilayah pattani)


อ้างอิง : จากหนังสือเรียนวิชาไวยกรณ์มลายู 2








วันพุธที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2560

คำวิเศษณ์(Kata adjektif)

คำวิเศษณ์
คำวิเศษณ์ หรือ คำคุณศัพท์ (Kata Adjektif / Kata sifat)  หมายถึง คำที่ใช้เพื่อบอกให้ทราบถึงคุณลักษณะหรือคุณภาพของ สิ่งของ, คน, สถานที่ และอื่นๆ  คำวิเศษณ์สามารถมีคำเชื่อมหรือคำเสริมต่างๆ ''เช่น'' (Sangat) มาก  (Amat) มากๆ   (Baling) มากที่สุด และอื่นๆ   คำวิเศษณ์สามารถแบ่งออกเป็น ดังนี้


ชนิด
ตัวอย่างคำ
ตัวอย่างประโยค
คุณลักษณะ
 (Sifat/ Keadaan)
 ฉลาด,เจ็บ,ขี้เกียจ,สวย,ขยัน,สบาดี
(Bijak),(sakit),(malas),(cantik),(rajin),(sihat)
อาร์ลินเป็นนักเรียนที่ฉลาด
(Arlin seorang murid yang bijak)
 สี (Warna)
สีแดง,สีขาว,สีเหลือง,สีฟ้า,สีดำ
(merah),(putih),(kuning),(biru),(hitam)
ดอกกุหลาบนั้นสีแดง
(Bunga mawar itu warna merah)
ขนาด (Ukuran)
บาง,สูง,เตี้ย,เล็ก,ใหญ่,หน่า
(nipis),(tinggi),(kecil),(besar),(tebal)
นวนิยายนั้นหน่ามาก
(Buku cerita itu sangat tebal)
รูปร่าง/ สัณฐาณ(Bentuk)
กลม,บาง
(bulat),(nipis)
คุณรัมลีซื้อโต๊ะรับประทานอาหารที่มีรูปร่างกลม
(Encik Ramli membeli meja makan berbentuk bulat)
รส (Pancaindera)
หวาน,เข็ม,หอม,ไพเราะ,เหม็น
(manis),(masin),(harum),(busuk)
นักร้องนั้นเสียงไพเราะมาก
(Suara penyanyi sungguh merdu)
เวลา (Waktu)
สาย,เพิ่ง,นาน,ทันที
(lewat),(baru),(lama),(segera)
ฮารีฟชอบมาโรงเรียนสาย
(Harif selalu dating lewat ke sekolah)
ระยะทาง (Jarak)
ใกล้,ไกล,ใกล้เคียง
(dekat),(jauh),(hampir)
บ้านตัตตีเฆาะอยู่ใกล้กัเขื่อน(Rumah Tat Keong hamper dengan jeti)
ความรู้สึก (Perasaan)
โกรธ,รัก,คิดถึง,อาย,มีความสุข
(Marah),(sayang),(rindu),(malu),(gembira)
ยายโกรธมากที่หลานๆชอบพูดโกหก
(Nenak berasa marah jika cucu-cucu bercakap bohong)

วิธี (Cara)

เร็ว,ช้า,ค่อยๆ
(Pantas),(lambat),(perlahan)

น้ำคลองไหลเชี่ยว
(Air sungai mengalir dengan deras)
ความถี่(Kekerapan)
บ่อย,บ่อยครั้ง,นานครั้ง,บางครั้ง
(Selalu),(sering),(jarang),(kali)
พวกเขาไปหอสมุดพร้อมกันบ่อยๆ(Mereka selalu ke perpustaka bersama)

อ้างอิง
http://wongleena2012.blogspot.com/p/kata-adjektif_12.html?m=1

วลี (Frasa)

วลี ( Frasa ) หมายถึง หน่วยทีประกอบด้วยคำอย่างน้อย 2 คำ หรือมากกว่า จะประกอบด้วยภาคประธานและภาคแสดง Pola ayat (โครงสร้างประโยคพื้นฐาน) ...